เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ประธานกรรมการบริหารสมาพันธ์ผู้นำเยาวชนแห่งประเทศไทย ได้เข้าร่วมพร้อมเสนอความเห็นในการประชุม Beijing+30 Virtual Youth Forum


 รายงานการเข้าร่วมประชุม Beijing+30 Virtual Youth Forum

1. บทนำ
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ประธานกรรมการบริหารสมาพันธ์ผู้นำเยาวชนแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยตัวแทนเยาวชนจากนานาชาติและผู้เชี่ยวชาญทางด้านความเท่าเทียมทางเพศ ได้เข้าร่วมพร้อมเสนอความเห็นในการประชุม Beijing+30 Virtual Youth Forum ทั้งนี้่การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อหารือเกี่ยวกับความก้าวหน้าและแนวทางในการส่งเสริมสิทธิและความเท่าเทียมของเยาวชน โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) และหลักการที่วางไว้ใน ปฏิญญาปักกิ่ง (Beijing Declaration and Platform for Action) ที่ผ่านมาครบ 30 ปี ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญให้เยาวชนจากทั่วโลกได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางพัฒนา

2. การมีส่วนร่วมของนายสุพชระ มั่นดี
นายสุพชระ มั่นดี ในฐานะประธานกรรมการบริหารสมาพันธ์ผู้นำเยาวชนแห่งประเทศไทย ได้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ โดยมีบทบาทสำคัญในการนำเสนอแนวคิดและข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้ :

ข้าพเจ้าชื่อ สุพชระ มั่นดี จากประเทศไทย ข้าพเจ้าขอแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของ ความรุนแรงทางเพศและความรุนแรงบนฐานเพศสภาพ (Gender-Based Violence: GBV) แม้ว่าปฏิญญาปักกิ่งจะให้การยอมรับว่าความรุนแรงต่อผู้หญิงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความเสมอภาค แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วของโลกดิจิทัลได้ก่อให้เกิดรูปแบบความรุนแรงใหม่ ๆ ที่ซับซ้อนและแอบแฝง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตอบสนองอย่างเร่งด่วน ทันสมัย และเข้มแข็งยิ่งขึ้น

ในการประชุม CSW69/Beijing+30 ครั้งนี้ เราต้องตระหนักว่าปรากฏการณ์ เช่น การคุกคามทางออนไลน์ (Online Harassment), การสะกดรอยทางไซเบอร์ (Cyberstalking), การเผยแพร่ภาพส่วนตัวโดยไม่ได้รับความยินยอม (Non-Consensual Sharing of Intimate Images) และ การใช้ข้อมูลบิดเบือนเพื่อโจมตีเป้าหมาย (Targeted Disinformation Campaigns) ไม่ใช่เพียงแค่การขยายตัวของความรุนแรงในโลกออฟไลน์เท่านั้น แต่เป็นรูปแบบความรุนแรงที่มีลักษณะเฉพาะตัว แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และมักเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ผู้กระทำไม่สามารถระบุตัวตนได้ ซึ่งทำให้การจัดการและแก้ไขปัญหามีความซับซ้อนมากขึ้น

จากการศึกษาด้าน สตรีนิยมในโลกอินเทอร์เน็ต (Feminist Internet Studies), สังคมวิทยาดิจิทัล (Digital Sociology) และ กฎหมายสิทธิมนุษยชน (Human Rights Law) เราพบว่าความรุนแรงในรูปแบบดังกล่าวมีรากฐานจากความไม่เท่าเทียมของอำนาจในพื้นที่ดิจิทัล ดังนั้น การปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้หญิง รวมถึง เสรีภาพในการแสดงออก, ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัย จึงต้องเป็นประเด็นที่ได้รับความสำคัญสูงสุด

เพื่อส่งเสริม วัฒนธรรมแห่งความเคารพและความรับผิดชอบในโลกออนไลน์ เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับแนวคิด พลเมืองดิจิทัล (Digital Citizenship) นอกจากนี้ หลักความรอบคอบตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน (Due Diligence Principle) ยังระบุให้รัฐและบริษัทเทคโนโลยีต้องดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางดิจิทัล

ดังนั้น ข้าพเจ้าขอเสนอแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมดังต่อไปนี้:

  1. เสริมสร้างกรอบกฎหมาย เพื่อกำหนดให้ความรุนแรงทางดิจิทัลเป็นความผิดทางอาญา
  2. พัฒนาความรู้และความปลอดภัยทางดิจิทัล เพื่อให้ผู้หญิงและเด็กหญิงมีความสามารถในการปกป้องตนเอง
  3. ปรับปรุงกลไกการรายงาน ให้สามารถเข้าถึงและตอบสนองต่อผู้เสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. กำหนดความรับผิดชอบของบริษัทเทคโนโลยี ต่อเนื้อหาที่เผยแพร่บนแพลตฟอร์มของตน
  5. ส่งเสริมการเก็บรวบรวมข้อมูลที่คำนึงถึงมิติทางเพศ เพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยอย่างมีจริยธรรม
  6. สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อจัดการกับความรุนแรงทางดิจิทัลที่ข้ามพรมแดน
  7. ให้ความสำคัญกับการป้องกัน ผ่านการรณรงค์ให้ความรู้และสร้างความตระหนักรู้ในสังคม

การประชุมทบทวน Beijing+30 ครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการทำให้โลกดิจิทัลเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและส่งเสริมพลังของผู้หญิงและเด็กหญิงทุกคน หากเรานำแนวทางที่ยึดถือสิทธิมนุษยชนมาใช้ เราจะสามารถสร้างอนาคตดิจิทัลที่มีความเป็นธรรมและเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น


3. ผลลัพธ์ของการประชุม
จากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เกิดขึ้นในที่ประชุม มีมติให้มีการดำเนินโครงการและความร่วมมือระหว่างเยาวชนจากหลายประเทศ โดยมีข้อสรุปสำคัญดังนี้:

  • การสร้างเครือข่ายเยาวชนระดับนานาชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวทางปฏิบัติที่ดี

  • การสนับสนุนโครงการเพื่อความยั่งยืนและการพัฒนาศักยภาพเยาวชนอย่างเป็นรูปธรรม

4. สรุปและข้อเสนอแนะ
การประชุม Beijing+30 Virtual Youth Forum เป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้เยาวชนจากทั่วโลกได้ร่วมกันกำหนดแนวทางการพัฒนาในอนาคต นายสุพชระ มั่นดี ได้มีบทบาทสำคัญในการนำเสนอแนวคิดที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเยาวชนไทยและนานาชาติ

เพื่อให้ข้อเสนอที่ได้จากการประชุมเกิดผลในทางปฏิบัติ ควรมีการจัดทำแผนงานที่ชัดเจนสำหรับการดำเนินงานในระดับประเทศ และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อให้เยาวชนสามารถมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน


หลักฐานการเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวตามไฟล์รูปภาพที่แนบมาข้างใต้นี้ :



















Comments

Popular posts from this blog

คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสมาพันธ์ผู้นำเยาวชนแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ.2568-2570

Official Website of the Youth Leadership Confederation of Thailand (YLCT)

ข้อบังคับของสมาพันธ์ผู้นำเยาวชนแห่งประเทศไทย