ข้อบังคับของสมาพันธ์ผู้นำเยาวชนแห่งประเทศไทย
ข้อบังคับของสมาพันธ์ผู้นำเยาวชนแห่งประเทศไทย
____________________________________
หมวดที่ 1 ชื่อ เครื่องหมาย
- สมาพันธ์นี้มีชื่อว่า "สมาพันธ์ผู้นำเยาวชนแห่งประเทศไทย" มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า "Youth Leadership Confederation of Thailand" ใช้ชื่อย่อว่า “ YLCT ”
- เครื่องหมายของสมาพันธ์เป็นรูปสามเหลี่ยมสามมิติและมีข้อความชื่อเป็นภาษาอังกฤษของสมาพันธ์ ชื่อว่า "Youth Leadership Confederation of Thailand" พร้อมด้วยข้อความซึ่งเป็นหลักในการทำงานพัฒนาเยาวชนของสมาพันธ์ ความว่า "Empowering Tomorrow Leading Today" หมายถึงการเสริมสร้างศักยภาพและให้โอกาสแก่เยาวชนในวันนี้ เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้นำที่มีคุณภาพในอนาคต โดยเน้นการให้ความรู้และทักษะ การสร้างแรงบันดาลใจ การปลูกฝังความเป็นผู้นำ และการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้เยาวชนสามารถขับเคลื่อนสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพในวันข้างหน้า
หมวดที่ 2 วัตถุประสงค์
สมาพันธ์มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
- ส่งเสริมการพัฒนาและสร้างผู้นำเยาวชนที่มีคุณภาพ
- ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนในกิจกรรมต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อสังคม
- ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และประสบการณ์ระหว่างผู้นำเยาวชนจากทั่วประเทศ
- สนับสนุนการทำงานร่วมกับองค์กรภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาเยาวชน
หมวดที่ 3 กิจกรรม
เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ สมาพันธ์จะดำเนินกิจกรรมดังต่อไปนี้
1.จัดฝึกอบรมทักษะความเป็นผู้นำ การพูดในที่สาธารณะ การเจรจา และการแก้ไขข้อขัดแย้ง สถาบันเตรียมความพร้อมให้เยาวชนเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และจริยธรรมในภาคส่วนต่างๆ
2.จัดการประชุม เวิร์กช็อป และสัมมนาต่างๆ เพื่อช่วยให้เยาวชนพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำ สร้างเครือข่ายกับผู้นำในอุตสาหกรรม และเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ
3.แลกเปลี่ยนและเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการในทุกๆศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กและเยาวชน ตลอดจนสังคมและประเทศชาติ
4.ส่งเสริมความร่วมมือและความสามัคคีภายในกลุ่มสมาชิกของสมาพันธ์
หมวดที่ 4 สมาชิกภาพ
สมาชิกภาพ มีสองประเภทได้แก่ สมาชิกสามัญและสมาชิกกิตติมศักดิ์
- สมาชิกสามัญของสมาพันธ์จะประกอบไปด้วยเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 25 ปี และมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำที่ดีในสังคม
- สมาชิกสามัญจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่จัดโดยสมาพันธ์ ,ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของสมาพันธ์ พร้อมทั้งต้องมีความประพฤติตนให้สมกับศักดิ์ศรีเกียรติคุณที่เป็นสมาชิกของสมาพันธ์ และต้องให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินกิจการต่างๆของสมาพันธ์
- การสมัครสมาชิกสามัญ:
- สมาชิกต้องกรอกใบสมัครและผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการของสมาพันธ์
- สมาชิกจะได้รับสิทธิในการเข้าร่วมการประชุมและกิจกรรมที่สมาพันธ์จัดขึ้น
- สมาชิกกิตติมศักดิ์ คือ บุคคลผู้ทรงเกียรติในด้านการพัฒนาเด็กเยาวชนและสังคม หรือผู้ที่มีอุปการะคุณแก่สมาพันธ์ ซึ่งคณะกรรมการบริหารลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาพันธ์และประธานกรรมการบริหารอนุมัติบุคคลดังกล่าวเข้าเป็นสมาชิกของสมาพันธ์
- มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของสมาพันธ์ต่อคณะกรรมการบริหาร
- ได้รับโอกาสในการมีส่วนร่วมในโครงการและความคิดริเริ่มที่มีผลกระทบสูง
- ได้รับการเข้าถึงเครือข่ายของเพื่อนและที่ปรึกษาที่มีแนวคิดเหมือนกัน
- ได้รับคำเชิญเข้าร่วมการประชุม เวิร์กช็อป และกิจกรรมสร้างชุมชนที่ดำเนินการโดยสมาพันธ์
- มีสิทธิได้รับการคัดเลือกเป็นอนุกรรมการ หรือคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติภารกิจของคณะกรรมการบริหาร
- มีสิทธิได้รับการคัดเลือกเป็นคณะกรรมการบริหาร
สมาชิกภาพของสมาชิกให้สิ้นสุดลงด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
- ตาย
- ลาออก
- ประพฤติตนเป็นที่น่ารังเกียจหรือนำความเสื่อมเสียมาสู่ชื่อเสียงของสมาพันธ์ตามที่ประธานคณะกรรมการบริหารใช้ดุลยพินิจและมีคำสั่งไล่ออกจากการเป็นสมาชิกของสมาพันธ์
หมวดที่ 5 การประชุมใหญ่
- การประชุมใหญ่สามัญของสมาพันธ์ให้กระทำเป็นปกติโดยกำหนดให้จัดขึ้นปีละ 1 ครั้ง เพื่อ พิจารณาระเบียบวาระดังต่อไปนี้
- แถลงรายงานประจำปีของคณะกรรมการบริหาร
- รายงานการเงินของสมาพันธ์ในรอบปีที่ผ่านมาพร้อมทั้งเสนองบประมาณในปีต่อไป
- เลือกตั้งคณะกรรมการบริหาร เมื่อถึงกำหนดตามวาระ
- ปรึกษาพิจารณากิจกรรมอื่น ๆ
- การประชุมใหญ่สามัญซึ่งจัดให้มีขึ้น จะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าประชุมด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนสมาชิก หากไม่ครบให้รอองค์ประชุมเป็นเวลา ประมาณ 1 ชั่วโมง ให้นับองค์ประชุมใหม่ หากมีจำนวน ครบ 80 คน ให้ถือว่าครบองค์ประชุม ในกรณีที่สมาชิกสามัญมาประชุมไม่ครบองค์ประชุมให้ประธานคณะกรรมการบริหารเรียกประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่งภายใน 7 วัน นับแต่วันครบกำหนดการประชุมครั้งก่อน ในการประชุมคราวนี้สมาชิกมาประชุมเท่าใดก็ได้ ให้ถือว่าครบองค์ประชุม
- การประชุมใหญ่วิสามัญจะจัดให้มีขึ้นได้ต่อเมื่อ คณะกรรมการบริหารของสมาพันธ์มีมติด้วยเสียงข้างมากไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกรรมการบริหารทั้งหมด หรือสมาชิกสามัญไม่น้อยกว่า 30 คน ร้องขอเป็นลายลักษณ์อักษรต่อ คณะกรรมการบริหารของสมาพันธ์ การประชุมใหญ่วิสามัญซึ่งจัดให้มีขึ้น ถ้าหากมีสมาชิกสามัญเข้าประชุมไม่ถึง 1 ใน 4 ของจำนวนสมาชิก หากไม่ครบให้รอองค์ประชุมเป็นเวลา ประมาณ 1 ชั่วโมง ให้นับองค์ประชุมใหม่ หากมีจำนวน ครบ 10 คน ให้ถือว่าครบองค์ประชุม
- การประชุมใหญ่ ถ้าประธานกรรมการบริหาร หรือรองประธานกรรมการบริหารไม่มาร่วมประชุม หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ก็ให้ที่ประชุมใหญ่ทำการเลือกตั้งกรรมการบริหาร ที่มาร่วมประชุมคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคราวนี้
- การประชุมใด ๆ ให้ถือเอามติของคะแนนเสียงข้างมาก ในที่ประชุมเป็นข้อตัดสินในกรณีคะแนนเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
- คณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วย:
- ประธานกรรมการบริหารสมาพันธ์
- รองประธานกรรมการบริหารสมาพันธ์
- เลขาธิการ
- เหรัญญิก
- คณะกรรมการอื่นๆ และตำแหน่งอื่นๆตามที่เห็นสมควร
- การเลือกตั้งคณะกรรมการ:
- การเลือกตั้งประธานและคณะกรรมการบริหารจะทำในที่ประชุมสามัญของสมาชิก
- การเลือกตั้งจะเป็นไปตามระเบียบการประชุมใหญ่ที่สมาพันธ์กำหนด
หมวดที่ 7 การบริหารสมาพันธ์
การบริหารงานของสมาพันธ์ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร
1.การบริหารงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสมาพันธ
2.กำหนดระเบียบ กฎ ข้อบังคับและวิธีการการปฏิบัติซึ่งไม่ขัดต่อข้อบังคับของสมาพันธ์
3.มีหน้าที่ในการหาทุนอุดหนุนการวิจัยและกิจกรรมอื่น ๆ ตามวัตถุประสงค์ของสมาพันธ์
4.ประธานกรรมการบริหารมีหน้าที่เป็นประธานในการบริหารงานของสมาพันธ์ผู้นำเยาวชนแห่งประเทศไทย และเป็นผู้แทนของสมาพันธ์ในกิจการภายนอก พร้อมทั้งเป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารและการประชุมใหญ่ของสมาพันธ์ และมีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนคณะทำงาน,คณะอนุกรรมการต่าง ๆ ตลอดจนมีอำนาจในการแต่งตั้งและถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหาร,กรรมการตำแหน่งอื่นๆ และผู้ดำรงตำแหน่งที่มีชื่อเรียกเป็นอย่างอื่นตามที่เห็นสมควร อีกทั้งมีอำนาจในการควบคุมสั่งการบังคับบัญชาส่วนงานของสมาพันธ์ ดังต่อไปนี้
- ส่วนภูมิภาคเหนือและภาคกลาง
- ส่วนภูมิภาคตะวันออก
- ส่วนภูมิภาคตะวันตก
- ส่วนภูมิภาคใต้
- ส่วนภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- สำนักนิติการ
- สำนักยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างประเทศ
- ฝ่ายการเงินและงบประมาณ
- ฝ่ายที่ปรึกษาผู้บริหารสูงสุด
- กองเลขานุการและกำกับนโยบาย
- ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
- สำนักพัฒนาภาวะผู้นำและการเรียนรู้ตลอดชีวิต
- สำนักเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมการสื่อสาร
- กองพิธีการและกิจกรรมสัมพันธ์
- ฝ่ายสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์
- ฝ่ายทะเบียนและฐานข้อมูลสมาชิก
8.เหรัญญิก มีหน้าที่รับ - จ่ายและเก็บรักษาเงิน ตลอดจนทำบัญชีและเก็บรักษาเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเงิน
9.นายทะเบียนมีหน้าที่จัดทำและเก็บรักษาทะเบียนสมาชิกตลอดจนเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเป็นสมาชิก และเร่งรัดการชำระเงินค่าบำรุงสมาชิกภาพ
10.ปฏิคมมีหน้าที่ในการให้การต้อนรับแขกของสมาพันธ์เป็นหัวหน้าในการจัดเตรียมสถานที่ของสมาพันธ์ และจัดเตรียมสถานที่ประชุมต่าง ๆ ของสมาพันธ์
11.กรรมการตำแหน่งอื่นๆ และผู้ดำรงตำแหน่งที่มีชื่อเรียกเป็นอย่างอื่นมีหน้าที่คอยช่วยเหลือกิจการฝ่ายต่างๆ ของสมาพันธ์และมีหน้าที่ตามแต่ประธานคณะกรรมการบริหารจะมอบหมาย
12.คณะกรรมการบริหารมีวาระในการดำรงตำแหน่งวาระละ 3 ปี
หมวดที่ 8 การแก้ข้อบังคับของสมาพันธ์
1.การแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมข้อบังคับนี้จะกระทำได้โดยมติไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของที่ประชุมใหญ่ของสมาพันธ์ และต้องได้รับการอนุมัติเห็นชอบจากประธานกรรมการบริหาร
หมวดที่ 9 การยุบสมาพันธ์
1.การยุบสมาพันธ์จะต้องได้รับการอนุมัติเห็นชอบจากประธานกรรมการบริหาร
2.เมื่อสมาพันธ์ยุบลง ทรัพย์สินของสมาพันธ์จะถูกนำไปใช้เพื่อกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชนหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องตามการตัดสินของที่ประชุม
Comments
Post a Comment